เมตาบอลิซึมสำคัญคืออะไรและสำคัญยังไง?

เมตาบอลิซึม เป็นกระบวนการทางเคมีที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ โดยเปลี่ยนสารอาหารและน้ำจากอาหารเป็นพลังงานเพื่อให้เซลล์ในร่างกายจะนำพลังงานที่ไปใช้และทำงานตามหน้าที่ได้ตามปกติ ดังนั้นกระบวนเมตาบอลิซีมจึงเกี่ยวข้องกับทุกเซลล์ในร่างกาย ถ้าหากการเมตาลิซึมผิดปกติจะส่งผลต่อระบบต่างๆในร่างกายไปด้วย โดยพบว่าผู้ที่ปัญหาทางเมตาบอลิซึมหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาหรือไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างจะเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน โรคความดันและโรคเบาหวานมากกว่าปกติ เนื่องจากร่างกายมีการเผาผลาญไขมันและน้ำตาลน้อยกว่าปกติหรืออาจหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเผาผลาญพลังงานผิดปกตินั่นเองค่ะ

คนที่มีปัญหาทางเมตาบอลิซึมควรรับประทานอะไรเสริม

สารสกัดจากพืช แร่ธาตุ กรดอะมิโน และวิตามินมีประโยชน์ต่อคนที่มีปัญหาทางเมตาบอลิซึม ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมและใช้ประโยชน์จากสารอาหารได้เต็มที่ทำให้อาหารที่เราทานเข้าไปจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานน้อยลงและสะสมเป็นไขมันส่วนเกินมากขึ้น จากงานวิจัยพบว่าสารสกัดจากพืช แร่ธาตุ กรดอะมิโน และวิตามินต่างๆเหล่านี้จะช่วยลดปัญหาทางเมตาบอลิซึมได้

  1. สารสกัดจากพืช: สารสกัดจากพืชเป็นแหล่งอาหารที่มีประโยชน์สำหรับคนที่มีปัญหาทางเมตาบอลิซึม สารสกัดจากพืชที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เช่น สารสกัดจากขมิ้นชัน (Curcumin), สารสกัดจากพรมมิ (Bacopa monnieri), และสารสกัดจากตะไคร้ (Lemongrass) เป็นต้น สารสกัดเหล่านี้มีฤทธิ์ลดการอักเสบในร่างกาย โดยลดการปล่อยสารที่เกิดจากการอักเสบและกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหายในร่างกาย
  2. แร่ธาตุ: ได้แก่ เหล็ก แมกนีเซียม และสังกะสี เป็นตัวช่วยสำคัญในการบำรุงร่างกายและการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ซึ่งสำคัญมากๆสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางเมตาบอลิสึม เช่น แร่ธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง แมกนีเซียมช่วยสำหรับกระบวนการทำงานของระบบประสาท และสังกะสีช่วยในกระบวนการสร้างเซลล์และการยึดติดของเซลล์
  3. กรดอะมิโน: กรดอะมิโนเป็นสารสำคัญที่มีบทบาทในระบบการทำงานของร่างกาย และสามารถช่วยปรับสมดุลของสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับเมตาบอลิซึม สารสำคัญอย่างหนึ่งคือ Amino acid neurotransmitters เช่น กลูตามีน ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาทโดยมีบทบาทในการส่งสัญญาณทางประสาท และช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ รวมทั้งมีส่วนช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้อีกด้วย
  4. วิตามินต่างๆ: วิตามินมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติ และมีส่วยช่วยในกระบวนการสร้างและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ในกรณีของผู้ที่มีปัญหาทางเมตาบอลิสึม วิตามินเช่น วิตามินบี วิตามินซี และวิตามินอี เป็นต้น มีความสำคัญในกระบวนการเผาผลาญสารอาหาร การสร้างเนื้อเยื่อ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

แม้ว่าภาวะเมตาบอลิซึมผิดปกติจะไม่ใช่ภาวะที่ร้ายแรงมากนักแต่ว่าอาจเรียกว่าเป็นภัยเงียบเลยก็ได้ หากปล่อยไว้จะนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงขึ้นได้ ปัญหาทางเมตาบอลอลิซึมสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการเผาผลาญ การคุมอาหาร และการเลือกทานอาหารเสริมที่ช่วยปรับสมดุลการเผาผลาญ สำหรับผู้อ่านที่มีความสนใจที่จะผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้ที่ปัญหาเมตาบอลิซึมผิดปกติ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถสอบถามได้ทาง Line: @MillionLab นะคะ สามารถปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ

หากคุณสนใจผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากโรงงาน รับผลิตอาหารเสริม ที่ได้รับมาตรฐาน Codex GHPs และ HACCP  จากบริษัท URS ประเทศอังกฤษ ได้รับรางวัลธุรกิจยอดเยี่ยมจาก ASEAN BUSINESS AWARD ประเทศสิงคโปร์ และคิดค้นสูตรโดยทีมเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สายตรงกว่า 10 ปี

สามารถคลิกที่ เว็บไซต์นี้  ได้เลยค่ะ

References

  1. Aggarwal BB, et al. (2019). Curcumin: The Indian Solid Gold. In: Gupta SC, et al. (eds) Precision Medicine for Investigators, Practitioners and Providers. Academic Press.
  1. Ahmed T, et al. (2018). Neuroprotective effects of Bacopa monnieri in oxidative stress-induced neuronal dysfunction. In: Neuroprotective Effects of Phytochemicals in Neurological Disorders. Springer.
  2. Fenech M. (2001). The role of folic acid and vitamin B12 in genomic stability of human cells. Mutation Research/Fundamental and Molecular Mechanisms of Mutagenesis, 475(1-2), 57-67.
  3. McArdle A, et al. (2016). Essential Minerals and Exercise Performance. In: Sports Nutrition: From Lab to Kitchen. Routledge.
  4. Kavirajan H, Vijayaraghavan S. (2014). Role of amino acid neurotransmitters in the management of depression. Indian Journal of Psychiatry, 56(4), 331-338.
  5. Nakagawa Y, Fahey JW. (2018). Broccoli (Brassica oleracea L. var. italica). In: Benzie IFF, Wachtel-Galor S, editors. Herbal Medicine: Biomolecular and Clinical Aspects. 2nd edition. Boca Raton (FL): CRC Press/Taylor & Francis.
  6. Cashman KD, et al. (2016). Vitamin D: dietary requirements and food fortification as a means of helping achieve adequate vitamin D status. Journal of Steroid Biochemistry and Molecular Biology, 164, 246-255.
  7. Pilz S, et al. (2018). Vitamin D and Cancer: Current Evidence and Future Directions. European Journal of Cancer, 50(15), 2715-2722.