คอลลาเจนเป็นอาหารเสริมอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก น้อยคนมากๆที่จะไม่เคยทานคอลลาเจน บางคนทานคอลลาเจนเพื่อหวังผลในการบำรุงผิวพรรณ บ้างก็การทานเพื่อดูแลข้อต่อและกระดูก แล้วจริงๆการทานคอลลาเจนหนึ่งครั้งช่วยทั้งเรื่องผิวและข้อต่อเลยหรอ? แต่อันที่จริงแล้วผลลัพธ์จากการทานคอลลาเจนทั้ง 2 อย่างนี้มาจากคอลลาเจนต่างชนิดกัน วันนี้ Million Lab จะพาทุกคนมารู้จักกับคอลลาเจนทั้ง 2 ชนิดนี้กันค่ะ

คอลลาเจนเป็นเส้นใยโปรตีนที่พบมากที่สุดในร่างกายซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของผิวหนัง เนื้อเยื่อ กระดูกและข้อต่อ โดยคอลลาเจนประกอบด้วยกรดอะมิโน ชนิดไกลซีล 33% อะลานีน 11% โปรตีน 12% และไฮดรอกซีโปรลีน 11% เรียงต่อกันด้วยพันธะเปปไทด์ คอลลาเจนจึงเป็นสิ่งที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้โดยร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่เรื่อยๆเพื่อทดแทนคอลลาเจนเดิมที่เสื่อมสลายไป แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตคอลลาเจนลดลง ทำให้คนที่มีอายุมากกว่า 30 ปีมักเริ่มมีผิวที่หย่อนคล้อย มีปัญหาผิวบางและแห้งกร้าน ผิวขาดความนุ่มเด้งเหมือนผิวเด็ก นอกจากอายุแล้วก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพหรือถูกทำลายได้ง่าย เช่น รังสี UV จากแสงแดด แสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงการทานอาหารที่ดีไม่พอ ในปัจจุบันพบว่ามีคอลลาเจนมีมากกว่า 28 ชนิด แต่คอลลาเจนที่พบมากที่สุดในร่างกาย คือ Type I ถึง Type V

คอลลาเจนประเภทที่ 1 (Type I) พบมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย ช่วยในการสร้างผิวหนัง กระดูก ผนังหลอดเลือด เอ็นและเอ็นยึดกล้ามเนื้อ กระจกและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

            คอลลาเจนประเภทที่ 2 (Type II) พบมากในกระดูกอ่อน เช่น ส่วนประกอบของหู จมูก หลอดลมและกระดูกซี่โครง

            คอลลาเจนประเภทที่ 3 (Type III) มักพบร่วมกับ Type I คือในผิวหนัง กล้ามเนื้อและผนังหลอดเลือด

            คอลลาเจนประเภทที่ 4 (Type IV) พบใน Basal lamina และ Basement membrane ในส่วนของ Epithelium-secreted layer

            คอลลาเจนประเภทที่ 5 (Type V) พบในผิวของเซลล์ผมและรก

 

คอลลาเจนชนิดที่ 1 – คอลลาเจนผิวสวย

คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อต่างๆ อย่างเช่น ผิวหนัง เส้นเอ็นและโครงสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆ เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย และช่วยรักษาความสมบูรณ์ของโครงสร้างผิว โดยคอลลาเจนใต้ผิวหนังจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อและจะทำงานคู่กับโปรตีนอีกหนึ่งคือ อีลาสติน(elastin) โปรตีนทั้งสองจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวเรียบเนียน ผิวนุ่มและมีความชุ่มชื้น จากการศึกษาในอาสาสมัครหญิงอายุ 40-60 ปี โดยทาน Low molecular weight collagen peptide 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ต่อเนื่องเป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่ทานคอลลาเจนมีผิวที่ชุ่มชื้นมากกว่ากลุ่มที่ทานยาหลอกถึง 2.9 เท่า และพบว่าหลังทานคอลลาเจนอาสาสมัครมีริ้วรอยและรอยขรุขระลดลงและผิวเนียนนุ่มขึ้นอีกด้วย

คอลลาเจนชนิดที่ 2 – คอลลาเจนดูแลข้อต่อ

คอลลาเจนชนิดที่ 2 (collagen type II) เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบมากในเซลล์กระดูกอ่อนและหมอนรองกระดูกสันหลังเท่านั้นจึงทำหน้าที่แตกต่างจากคอลลาเจนชนิดที่ 1 อย่างสิ้นเชิง ซึ่งคอลลาเจนจะรวมตัวกับกรดไฮยาลูริค (hyaluronic acid) และโปรติโอไกแคน (proteoglycan) ที่มีทำหน้าที่ซ่อมแซมกระดูกอ่อนผิวข้อที่มีการสึกหรอ ช่วยให้กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อมีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับแรงกดหรือแรงกระแทก รวมทั้งรองรับน้ำหนักตัวขณะที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายหรือทำกิจกรรมต่างๆได้ดีขึ้น จากการศึกษาโดยอาสาสมัครที่ป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม โดยรับประทานคอลลาเจนชนิดที่ 2 วันละ 40 มิลลิกรัม ต่อเนื่อง 90 วัน เทียบกับการได้รับกลูโคซามีนซัลเฟตวันละ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน และคอนดรอยตินซัลเฟต 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน พบว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 ช่วยบรรเทาอาการปวดและการอักเสบของข้อและส่งเสริมความสามารถในการเคลื่อนไหวข้อเข่าได้ดีกว่ากลูโคซามีนซัลเฟตร่วมกับคอนดรอยตินซัลเฟต รวมทั้งคอลลาเจนชนิดที่ 2 ยังมีส่วนช่วยชะลอและลดการสึกหรอของกระดูกผิวข้อได้อีกด้วย นอกจากนี้การทานคอลลาเจนชนิดที่ 2 ยังมีความปลอดภัยสูงและในปัจจุบันยังไม่มีรายงานผลข้างเคียงจากการใช้ คอลลาเจนชนิดที่ 2 จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพข้อต่อ เพื่อชะลอการเกิดข้อเข่าเสื่อมก่อนวัย

คอลลาเจนไฮโดรไลซ์คืออะไร

คอลลาเจนไฮโดรไลซ์เป็นโปรตีนสายสั้นๆ ที่เกิดจากการตัดสายคลลาเจนสายยาวให้มีขนาดโมเลกุลที่เล็กลงในช่วง 1-10 kDa ซึ่งเป็นขนาดโมเลกุลที่ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่าคอลลาเจนปกติ ไฮโดรไลซ์คอลลาเจนจึงนิยมนำไปใช้ในประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น ด้านเภสัชกรรม อาหาร เครื่องสำอาง อุตสาหกรรมหนังสัตว์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วย เนื่องจากไฮโดรไลซ์คอลลาเจนดูดซึมและกระจายตัวในร่างกามนุษย์ยได้ดี มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อในเกิดอาการแพ้และไม่เป็นพิษต่อเซลล์ นอกจากนี้ยังสามารถละลายได้น้ำได้ดี มีความหนืดน้อยเมื่อละลายน้ำ ไม่มีสีและกลิ่นไม่แรง จึงเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่มชงดื่มที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากคอลลาเจนแบบเต็มๆและยังทานง่าย สามารถนำไปผสมในอาหารหรือเครื่องดื่มได้โดยไม่ทำให้อาหารเสียรสชาติเดิม

อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนน่าจะพอทราบกันแล้วว่าการทานคอลลาเจนแต่ละชนิดให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นการทานคอลลาเจนให้ได้ผลตามต้องการอาจจะไม่ใช่การทานคอลลาเจนอะไรก็ได้ แต่ควรเลือกชนิดของคอลลาเจนและควรเป็นคอลลาเจนได้มีงานวิจัยรองรับและมีมาตรฐานการผลิตเพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการจริงๆ สำหรับผู้อ่านที่มีความสนใจที่จะผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนบำรุงผิวและข้อหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถสอบถามได้ทาง Line: @MillionLab นะคะ สามารถปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ

หากคุณสนใจผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากโรงงาน รับผลิตอาหารเสริม ที่ได้รับมาตรฐาน GMP CODEX จากบริษัท URS ประเทศอังกฤษ ได้รับรางวัลธุรกิจยอดเยี่ยมจาก ASEAN BUSINESS AWARD ประเทศสิงคโปร์ และคิดค้นสูตรโดยทีมเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สายตรงกว่า 10 ปี

สามารถคลิกที่ เว็บไซต์นี้  ได้เลยค่ะ

References

  1. Crowley DC,Lau FC, Sharma P, Evans M, Guthrie N, Bagchi M, et al.Safety and efficacy of undenatured type II collageninthe treatmentofosteoarthritisof theknee: a clinical trial. Int J MedSci.2009;6:312-21.
  2. Kim D-U, Chung H-C, Choi J, Sakai Y, Lee B-Y. Oral Intake of Low-Molecular-Weight Collagen Peptide Improves Hydration, Elasticity, and Wrinkling in Human Skin: A Randomized, Double Blind, Placebo-Controlled Study. Nutrients. 2018;10(7):826
  3. Tzaphlidou M. (2004). The role of collagen and elastin in aged skin: an image processing approach. Micron (Oxford, England : 1993)35(3), 173–177. https://doi.org/10.1016/j.micron.2003.11.003
  4. Wu, M., Cronin, K., & Crane, J. S. (2021). Biochemistry, Collagen Synthesis. In StatPearls. StatPearls Publishing.